กินไข่เยอะทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูงได้จริงหรือไม่

ความเชื่อผิดๆ เรื่องกินไข่เยอะแล้วทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูง

หัวข้อบรรยาย : คนเราสามารถรับประทานไข่ได้วันละกี่ฟอง
บรรยายโดย : อ.นพ.กรภัทร มยุระสาคร
                       (คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล)
          สวัสดีครับ ขอยินดีต้อนรับนะครับ ทุกคนที่เป็นสมาชิกของยูทูป หมอนัดโภชนาการ และก็เฟสบุ๊คหมอนัดโภชนาการนะครับ วันนี้จะพูดถึงเรื่องไข่ที่ไม่เคยพูดถึงที่ไหนมาก่อน เป็นความลับของไข่ ที่มีคนมักจะถามกันว่า “คนเรากินไข่ได้กี่ฟอง” นะครับ เป็นคำถามที่รอคำตอบมา 100 กว่าปี ผมเองเป็นนักวิจัยที่ทำเรื่องไข่มาประมาณ 10-15 ปีแล้ว นะครับ และก็ก่อนไปเรียนต่อต่างประเทศ
โอเค วันนี้จะเล่าสั้นๆ ในภาพนี้อาจจะไม่ชัดนะครับ แต่นี่เป็นคำแนะนำของกรมอนามัย

          กรมอนามัยบอก เด็กที่เริ่มกินไข่ก็อายุประมาณ ซัก 6 เดือน - 1 ปี ก็ประมาณครึ่งฟองใช่ไหมครับ หลังจากนั้นพอเด็กเริ่มโตเด็กกินได้วันละ 1 ฟอง จนถึงวัยผู้ใหญ่ใช่ไหมครับ และก็ในผู้สูงอายุเรียกง่ายๆ ก็ กินนานๆ ที อาทิตย์ละ 3-4 ฟอง อันนี้เป็นคำแนะนำกลางๆ นะครับ

          ต้องบอกว่า คำแนะนำนี้นะ ไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่ชัดเจน ที่ว่า กินมากกว่านี้ได้ไหม กินน้อยกว่านี้ได้ไหม  แต่เนื่องจากเป็นกรมอนามัย ก็เลยจะต้องแนะนำอะไรที่เป็นกลางๆ นะครับ แต่เรารู้ว่าในความเป็นจริงเนี่ย จากการศึกษาและคำแนะนำของอเมริกาที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2015 คือ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เดิมเขาแนะนำให้คนเรา กินไข่หรือคอเลสเตอรอล ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน นะครับ ไข่ 1 ฟองจะมี 200 - 220 มิลลิกรัมของคอเลสเตอรอล นะครับ แต่ว่าใน 3-4 ปีที่แล้วเนี่ย จากข้อมูลทางวิชาการทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลผมเอง ข้อมูลนักวิจัยจากอเมริกาและทั่วโลก พบว่า คอเลสเตอรอลในไข่แดงไม่ได้ส่งผลหรือสัมพันธ์กับคอเลสเตอรอลในเลือด แบบความสัมพันธ์ 1 ต่อ 1 และมากกว่านั้นก็คือว่า ไม่ได้มีความสัมพันธ์ชัดเจนของคอเลสเตอรอลต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ปี 2015 อเมริกาเนี่ย ตัดคำแนะนำข้อห้ามของเรื่องคอเลสเตอรอลออกไป ความหมายคืออะไรครับ คือปัจจุบันในอเมริกา เขาเลิกพูดกินวันละกี่ฟองไปแล้ว เพราะว่าความสัมพันธ์มันไม่มี นะครับ อันนี้คือ ข้อแรกนะครับ

          ข้อที่สอง ต่อมาก็คือว่า เราพบว่า ตัวที่ส่งผลต่อคอเลสเตอรอลในเลือดเนี่ย ไม่ใช่เรื่องของคอเลสเตอรอลในไข่แดง แต่ในทางกลับกันพบว่าคอเลสเตอรอลมาจาก ไขมันอิ่มตัว ซึ่งอยู่ในพวกแบเกอรี่ ผลไม้ เดี๋ยวคลิปหน้าจะเล่าให้ฟังว่าผลไม้ทำให้ไขมันในเลือดสูงได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ผลไม้ไม่มีคอเลสเตอรอลเลย นะครับ ดังนั้นเนี่ย ในปัจจุบันเราต้องเคลียร์ให้ชัดว่า ไข่เนี่ย ไม่ได้ส่งผลต่อคอเลสเตอรอล ไม่ควรจะเป็นเรื่องมาถามว่า "กินได้วันละเท่าไร" นะครับ อย่างโดยส่วนตัว ผมไม่แนะนำให้ใครกินเหมือนผมนะครับ ผมกินวันละ 4-6 ฟอง กันมาหลายปีมาก และมีคนไข้ที่ทำ Ketogenic Diet ที่กินไข่ทั้งฟอง วันละ 10 ฟองก็มี แล้วคอเลสเตอรอลกลับลดลง นะครับ เพราะฉะนั้นจะมีคนทั้ง 2 มุม คือ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้กินไข่ มีคอเลสเตอรอลสูง และคนที่กินเยอะ คอเลสเตอรอลไม่ได้สูง เผลอๆ ดีขึ้นด้วย ดังนั้น ในสังคมการวิจัยเรื่องของไข่ ผมไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนกินไข่ อย่างไม่มีสติ หรือกินอาหารอะไรก็ตามที่ไม่มีสติ แต่ต้องเรียนรู้ว่า ณ งานวิจัยไข่ในอเมริกาและในโลก ณ ปัจจุบันนี้ เท่าที่ผมทำวิจัยเองและหาข้อมูลมาเนี่ย "ไข่แดง กุ้ง หมึก หอย" ไม่ได้สัมพันธ์กับคอเลสเตอรรอลในเลือด แต่สิ่งที่เขากังวลคืออะไรครับ เวลาของที่มีคอเลสเตอรอลมันมักจะมากับไขมันอิ่มตัว ผมยกตัวอย่าง กินของทอดของมัน มันมีคอเลสเตอรอลด้วยและมีไขมันอิ่มตัวด้วย เพราะฉะนั้นในอาหารบางอย่างเนี่ย มันจึงมาคู่กันเสมอ ของที่กิน ของทอด ของ Deep frying(การทอดแบบน้ำมันท่วม) อะไรต่างๆ มักจะมาคู่กัน จึงเป็นคำแนะนำของคนทั่วไป ว่าเวลากินอะไรต้องระมัดระวัง 

          แต่ถ้าพูดถึงตัวคอเลสเตอรอลอย่างเดียวในไข่แดง นะครับ ปัจจุบันชัดเจนแล้ว ว่าไม่ได้มีผล แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือว่า แพทย์และนักโภชนาการเนี่ย ส่วนใหญ่ก็จะเรียนมาจากสถาบันเดียวกัน ก็มักจะแนะนำ เพราะการแนะนำห้ามกินมันเป็นสิ่งที่ง่าย ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนฟังในคลิปนี้เนี่ย สิ่งที่อยากให้ทุกคนลองทำก็คือว่า เมื่อคุณจะกินไข่ หรือรักที่จะกินอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ไข่ คุณต้องมีการตรวจเลือดเป็นระยะ การตรวจเลือดก่อนและหลัง จะเป็นสิ่งหนึ่งที่บอกได้ว่า "คุณกินอะไรได้ หรือไม่ อย่างไร" นะครับ

          เอาครับ วันนี้เราจะสรุปเรื่องของ "ไข่" แล้วผมจะมาอธิบายโดยละเอียดในคลิปต่อๆ ไปว่า "ทำไมกินไข่แล้วคอเลสเตอรอลถึงไม่ขึ้น" และในบางคนถึงจะลดลง แต่ไม่ได้เป็นกับทุกคน  วันนี้ลาไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ 

[ขอบคุณ นพ.กรภัทร มยุระสาคร อย่างสูง สำหรับข้อมูล ไว้ ณ ที่นี้ด้วย]
[ถอดคำบรรยายจากคลิปคุณหมอ โดย หยินหยาง]
[โปรดแชร์ บทความนี้ ให้กับคนที่คุณรักและเป็นห่วงที่สุดด้วย นะครับ]