วิธีบำบัดไมเกรนด้วยอาหาร

อาหารกระตุ้นไมเกรนและอาหารลดไมเกรน

หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นไมเกรน

บทความโดย
อ.เอกหทัย แซ่เตีย นักกำหนดอาหาร
ที่มา : HealthToday Magazine
ปกติผู้เขียนไม่เคยแนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยไมเกรนมาก่อน แต่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสให้คำแนะนำหญิงวัยทำงานคนหนึ่ง อายุ 36 ปี จริงๆ แล้ววันนั้นเธอตั้งใจพาคุณแม่มาตรวจสุขภาพประจำปี ระหว่างรอจึงถือโอกาสตรวจสุขภาพตัวเองไปด้วยเลยเพราะเธอเองก็มีปัญหาปวดหัวไมเกรนอยู่
          จากการพูดคุยพบว่า เธอเป็นคนที่ใส่ใจสุขภาพของตนเองเพราะระมัดระวังเรื่องการกินอย่างมาก เช่น ไม่กินอาหารมันหรือทอด ไม่กินขนมหวาน ไม่ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ แต่ดื่มน้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาล 1 กระป๋องต่อวัน และพยายามหลีกเลี่ยงการกินแป้ง ชอบกินผัก,ผลไม้ เลือกกินโปรตีนจากไข่ขาว,เนื้อปลาและเต้าหู้ กินอาหารวันละ 2 มื้อ ในปริมาณ 50% ของจานปกติตามร้านอาหารทั่วไป ไม่กินข้าวเย็น แต่จะกินสลัดผักใบหรือผลไม้แทน และดื่มนมบ้าง เมื่อถามถึงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ปวดไมเกรน เธอบอกว่าไม่เคยสังเกตว่าอาหารจะทำให้มีอาการหรือไม่ แต่เมื่อใดที่เครียดจะมีอาการทุกครั้ง หากไม่กินยาจะปวดรุนแรงจนอาเจียนอยู่นานเกือบ 2 วัน ทุกครั้งเธอจึงต้องกินยาแก้ปวดไมเกรนอาการจึงจะทุเลาลง ผลการตรวจสุขภาพพบว่ามีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ พบสารคีโตน (ketone) ในปัสสาวะ มีเกล็ดเลือดต่ำ และตรวจพบภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก แพทย์จึงให้ผู้ป่วยกินนยาเม็ดเสริมธาตุเหล็ก 1 เม็ดต่อวัน
          เนื่องจากความรู้ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุต้นเหตุของไมเกรนที่แท้จริงได้ แต่คาดว่าน่าจะมาจากการได้รับสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ก้านสมองทำงานผิดปกติ หรือขาดความสมดุลของสารเคมีในสมอง หลอดเลือดจึงมีการหดและขยายตัวผิดปกติ ทำให้เซลล์ประสาทปล่อยความรู้สึกเจ็บปวดออกมา ทั้งนี้แนวทางในการรักษาบำบัดจึงมุ่งเน้นที่การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดไมเกรน เพื่อลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดหัว

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย

          จากข้อมูลการกินพบว่า ผู้ป่วยรายนี้กินอาหารน้อยไป บวกกับมีการตรวจพบสารคีโตนในปัสสาวะ ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่ยืนยันว่ากินไม่พอ ทำให้มีรูปร่างผอม เกล็ดเลือดต่ำ และโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก แต่ข้อดีของผู้ป่วย คือ ชอบกินผัก ผลไม้ และกินอาหารไขมันต่ำ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ป่วยควรปรับในเรื่องของอาหารเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวจากไมเกรนก็คือ
■ เพิ่มพลังงานจากไขมันในรูปของพืชที่ให้น้ำมันแทนการใช้น้ำมันโดยตรง เช่น งาดำ, อะโวคาโด
■ เลือกกินผักสีเขียวเข้มและผักสีสันสดใส เพื่อเพิ่มธาตุเหล็กและสารต้านอนุมูลอิสระ
■ เติมถั่ว ธัญพืช เช่น เต้าหู้ ซึ่งอุดมไปด้วย แคลเซียม แมกนีเซียมที่ช่วยลดอาการไมเกรนทุกมื้อ
■ งดน้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาล เลือกน้ำผลไม้สูตรใยอาหารสูงแทน หรือเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่า และเสริมการดูดซึมยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กโดยกินคู่กับผลไม้สดหรือน้ำผลไม้

อาหารกระตุ้นไมเกรน

          ผู้ป่วยไมเกรนประมาณ 50% มีอาการปวดหัวลดลง หรือบางรายไม่มีอาการเลยหลังจากหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นไมเกรน ข้อมูลจากวารสารของสมาคมโภชนาการแห่งสหรัฐอเมริกา (American nutrition association) ระบุว่าอาหารที่มีผลต่อการกระตุ้นให้เกิดไมเกรน มีดังนี้
อาหารที่มีสารไทรามีน และแทนนิน สามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารสื่อประสาท norepinephrine ทำให้ความดันโลหิตสูงอย่างเฉียบพลันและปวดหัวรุนแรงได้ในผู้ที่ไวต่อสารเหล่านี้ อาหารที่มีสารเหล่านี้ ได้แก่ อาหารที่ผ่านการหมักบ่ม แปรรูป เช่น เนย ชีส ช็อกโกแลต เนื้อสัตว์แปรรูป รมควัน ตับไก่ เบียร์ ไวน์แดง ผลไม้ตระกูลส้ม (Citrus fruits) น้ำแอปเปิล กล้วย อาหารหมักดองต่างๆ
เครื่องดื่มกาเฟอีน หากดื่มประมาณ 50 – 300 มิลลิกรัมต่อวัน (กาแฟร้อนไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน) จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว แต่หากได้รับมากกว่า 300 มิลลิกรัม จะส่งผลให้หลอดเลือดในสมองมีการขยายตัวจนมีอาการกระสับกระสาย หงุดหงิดปวดหัวรุนแรงได้ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อคุณภาพในการนอนหลับทำให้ปวดหัวได้ในรายที่พักผ่อนไม่เพียงพอ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ป่วยไมเกรนจำนวนมากไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้แม้ปริมาณเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้เพราะในเครื่องดื่มเหล่านี้ โดยเฉพาะไวน์แดง เบียร์มีสารไทรามีนซึ่งอาจกระตุ้นให้ปวดหัวรุนแรงได้ภายใน 3 ชั่วโมง
อาหารที่มีสารไนเตรทและไนไตรท์ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งไนตริกออกไซด์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้ปวดหัว พบมากในเนื้อสัตว์แปรรูป รมควัน เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม ซาเซมิ กุนเชียง หมูยอ
วัตถุเจือปนในอาหาร ได้แก่ น้ำตาลเทียมกลุ่มแอสปาร์แตม ผงชูรส สารแต่งสีต่างๆ พบมีรายงานว่าผู้ป่วยบางรายมีอาการปวดหัวรุนแรงหลังได้รับสารเหล่านี้

อาหารบำบัดไมเกรน

          นอกเหนือจากการใช้ยาและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นแล้ว การเลือกกินอาหารที่ช่วยบรรเทาไมเกรนก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยบอกลาไมเกรนได้ สำหรับอาหารที่ช่วยป้องกันและบำบัดอาการไมเกรนได้ มีดังนี้
ข้าวแป้งไม่ขัดสี 6 – 8 ทัพพีต่อวัน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต
เสริมอาหารหลักด้วยถั่ว ธัญพืช เป็นประจำ 4 – 5 ช้อน เช่น ขนมถั่วเขียว ถั่วแดงต้ม ถั่วแปบ แอลมอนด์ ถั่วคั่วต่างๆ
ผักสีเขียวเข้มและหลากสี 2 -3 ทัพพีต่อมื้อ เช่น คะน้า บรอกโคลี ผักโขม ถั่วฝักยาว เห็ดฟาง พริกหวาน ใบกะเพรา ใบแมงลัก อโวคาโด เป็นต้น อาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก และมีวิตามินบีรวมสูงๆ จะช่วยเพิ่มระดับสารเซโรโทนินช่วยให้การทำงานของเซลล์ประสาทสมดุลขึ้นมีผลให้อาการปวดหัวทุเลาลง
ปลาทะเล อย่างน้อย 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ สลับกับการกินเต้าหู้ถั่วเหลือง ฟองเต้าหู้
น้ำมันดี แต่เพียงเล็กน้อย เน้นกลุ่มโอเมก้า 3 เป็นหลัก เช่น งาดำ น้ำมันงา น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก และบริโภคไขมันอื่นๆลดลง
เสริมสารต้านอนุมูลอิสระจากผลไม้ 4 – 5 จานเล็กๆ สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยลดกระบวนการอักเสบช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น
ดื่มน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง เพื่อเสริมแคลเซียมแทนการดื่มนม 2 – 3 แก้วต่อวัน
ดื่มน้ำให้เพียงพอ ประมาณ 8 – 10 แก้วต่อวัน

          นอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นไมเกรน และกินอาหารลดไมเกรนตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญข้างต้นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามละเลย คือ การกินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ปล่อยให้หิวหรือมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ เพราะจากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยไมเกรนจะมีโอกาสปวดหัวถึง 50% หากปล่อยให้ท้องว่างนานเกิน 16 ชั่วโมง ที่สำคัญผู้ป่วยควรหมั่นดูแลสุขภาพ โดยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอร่วมกับการกำจัดความเครียดอย่างเหมาะสม เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เราห่างไกลจากอาการปวดหัวไมเกรนอย่างแน่นอนค่ะ

Resource : HealthToday Magazine, No.181 May 2016
แหล่งที่มา : อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

[โปรดแชร์ บทความนี้ ให้กับคนที่คุณรักและเป็นห่วงที่สุดด้วย นะครับ]
Name

กระดูกและข้อ,9,การใช้สมุนไพร,13,เกร็ดความรู้สุขภาพ,28,ข้อมูลเกี่ยวกับโรค,83,คลินิกควบคุมน้ำหนัก,16,คลินิกจิตเวช,30,ช่วง Q&A,1,เตือนภัยสุขภาพคุณผู้หญิง,22,ประเด็นสุขภาพที่ควรรู้,130,พบหมอฟัน,1,ระบบสืบพันธุ์,1,รู้ทันโควิด 19-Covid-19,25,โรคความดัน,5,โรคไต,18,โรคเบาหวาน,4,โรคผิวหนัง,15,โรคระบบทางเดินอาหาร,1,เวชศาสตร์ชะลอวัย,22,สุขภาพตา,5,หูคอจมูก,5,อาหารและยา,72,
ltr
item
ไขปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง: วิธีบำบัดไมเกรนด้วยอาหาร
วิธีบำบัดไมเกรนด้วยอาหาร
อาหารกระตุ้นไมเกรนและอาหารลดไมเกรน
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8D05xJIxBh3O9TYKhKz0bTKyObs9tDnmRBG6z_pjaPuK-0QjaABDS_CWEYCskbkYFlNZTFiZM9f0f6bUaiTPiSVsDVZ10cHX8aCVC6J-Xllm0cTjCLzWRlCO5OvNNe30k0sjWq-aehTU/s320/%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8D05xJIxBh3O9TYKhKz0bTKyObs9tDnmRBG6z_pjaPuK-0QjaABDS_CWEYCskbkYFlNZTFiZM9f0f6bUaiTPiSVsDVZ10cHX8aCVC6J-Xllm0cTjCLzWRlCO5OvNNe30k0sjWq-aehTU/s72-c/%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3.jpg
ไขปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
https://www.yinyang.in.th/2019/09/blog-post_21.html
https://www.yinyang.in.th/
https://www.yinyang.in.th/
https://www.yinyang.in.th/2019/09/blog-post_21.html
true
6588637073179937695
UTF-8
Loaded All Posts Not found any posts ดูทั้งหมด อ่านเพิ่มเติม Reply Cancel reply Delete By หน้าหลัก หน้า บทความ View All บทความแนะนำ หมวด ARCHIVE สืบค้น ALL POSTS ไม่พบข้อมูลที่คุณกำลังค้นหาค่ะ กลับสู่หน้าแรก Sunday Monday Tuesday Wednesday Thursday Friday Saturday Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat January February March April May June July August September October November December ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. just now 1 minute ago $$1$$ minutes ago 1 hour ago $$1$$ hours ago Yesterday $$1$$ days ago $$1$$ weeks ago more than 5 weeks ago Followers Follow THIS PREMIUM CONTENT IS LOCKED STEP 1: Share to a social network STEP 2: Click the link on your social network Copy All Code Select All Code All codes were copied to your clipboard Can not copy the codes / texts, please press [CTRL]+[C] (or CMD+C with Mac) to copy