โรคกระดูกพรุน มีกลุ่มไหนเสี่ยงบ้าง

ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและวิธีการรักษา


บทความโดย
นพ. วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ
โรคกระดูกพรุน (osteoporosis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในสตรีวัยหมดประจำเดือน ก่อให้เกิดผลแทรกซ้อนที่สำคัญคือกระดูกหักเมื่อสูงอายุ โรค กระดูกพรุนในคนไทยมีความแตกต่างจากโรคกระดูกพรุนทางตะวันตกอย่างน้อย 3 ด้านคือ ขนาดของปัญหาของโรคกระดูกพรุน ปริมาณแคลเซียมจากอาหารที่เหมาะสม และพันธุกรรมของโรคกระดูกพรุน ขณะนี้นักวิจัยไทยได้ให้ความสนใจพัฒนาวิธีการตรวจลักษณะทางพันธุกรรมในการ ประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกในตัวอย่างคนไข้ไทยโดยคาดว่าจากการ ตรวจกรองหาความผิดปกติของยีนตั้งแต่ต้น จะช่วยให้วางแผนในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคกระดูกพรุนในอนาคตได้

สาเหตุของโรคกระดูกพรุน

  • การเกิดโรคกระดูกพรุนมีส่วนเกี่ยวพันกับความผิดปกติของยีนถึงร้อยละ 80 จาก การศึกษาพันธุศาสตร์ของคนไข้โรคกระดูกพรุนอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ที่ได้ทำการตรวจความหนาแน่นของกระดูก ยังพบว่ามีความผิดปกติของยีน 3 ชนิดที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน วิตามินดี และแคลเซียม
  • สามารถยืนยันได้ว่า ความผิดปกติของยีนทั้ง 3 ชนิดเป็นความผิดปกติทางด้านพันธุกรรม ซึ่งการตรวจกรองหาความผิดปกติของยีนตั้งแต่ต้น
  • ปัจจัยทางด้านโภชนาการ เป็นส่วนที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแคลเซี่ยมและโปรตีน
  • ฮอร์โมนเพศหญิง โดย เฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งพบว่านอกจากจะช่วยพยุงเนื้อกระดูกเอาไว้ ป้องกันการสูญเสียเนื้อกระดูกแล้วยังสามารถช่วยเพิ่มเนื้อกระดูกได้ด้วย โดยเอสโตรเจรออกฤทธิ์ผ่านแคลซิโตนิน และสร้างสารซึ่งมีผลควบคุมการทำงานของเซลสลายกระดูก ซึ่งจะช่วยทำให้เซลสร้างกระดูกทำงานได้ดีขึ้น

อาการของโรคกระดูกพรุน

  • ในระยะแรกผู้ป่วยจะไม่มีอาการอะไร จนกระทั่งกระดูกพรุนและจางมากจึงจะเกิดอาการต่างๆ ได้แก่
  • เมื่อเกิดการหกล้มที่ไม่รุนแรง ก็จะเกิดกระดูกหัก บริเวณกระดูกหักที่พบได้บ่อยได้แก่ กระดูกหลัง กระดูกสะโพก กระดูกข้อมือ
  • ปวดกระดูกหลัง ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนจะมีปัญหาปวดหลัง กระดูกสันหลังยุบตัวลง
  • น้ำหนักลดเนื่องจากเนื้อกระดูกลดลง
  • ผู้ป่วยจะหลังโก่ง หลังค่อม ตัวเตี้ยลง เตี้ยลง ให้วัดส่วนสูงปีละครั้ง ถ้าหากเตี้ยลงแสดงว่าอาจมีโรคกระดูกโปร่งบาง และอาจสังเกตพบว่ากล้ามเนื้อลีบลง
  • กระดูกแขนขาเปราะและหัก ได้แก่ กระดูกข้อมือ กระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง ทำให้เกิดการพิการเดินไม่ได้ ผลจากการที่กระดูกหักจะทำให้ผู้ป่วยครึ่งหนึ่งเดินด้วยตัวเองไม่ได้ และจากรายงานการศึกษาวิจัยพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 15-20
  • อาจมีอาการแทรกซ้อนจากกระดูกหัก เช่น ปอดบวม แผลกดทับ ติดเชื้อ แขนขาใช้งานไม่ได้ ทำให้ผู้สูงอายุเสียชีวิตได้โดยง่าย

การตรวจยีน

          การตรวจทางพันธุกรรมโดยใช้ marker สำหรับ ตรวจยีนปัจจัยเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนที่พัฒนาได้ร่วมกับลักษณะทางคลินิก เพื่อทำนายว่าสตรีรายใดจะเกิดโรคกระดูกพรุนในอนาคต จะสามารถเพิ่มความแม่นยำและเกิดการป้องกันโรคกระดูกพรุนอย่างมีประสิทธิภาพ

การวัดความหนาแน่นของกระดูก

          การวินิจฉัยโรคกระดูกพรุนในระยะเริ่มแรกทำได้โดยการตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก ซึ่ง สามารถตรวจพบการลดลงของเนื้อกระดูกตั้งแต่ระยะเริ่มแรกได้ เป็นการตรวจที่สะดวก รวดเร็ว ตรวจที่กระดูกสันหลัง กระดูกต้นขา กระดูกข้อมือ หรือกระดูกหน้าแข้ง แล้วแต่การออกแบบของเครื่อง สามารถคำนวณความหนาแน่นของกระดูกโดยเปรียบเทียบกับค่ามาตราฐาน โดยค่าความหนาแน่นของกระดูก หมายถึงปริมาณของแคลเซี่ยมที่อยู่ภายในกระดูก ยิ่งความหนาแน่นมาก แสดงว่ากระดูกมีความแข็งแรงมาก ปัจจุบันแนะนำให้ทำการตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกทุก 2-3 ปี เพื่อติดตามสภาพความแข็งแรงของกระดูกว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่

การรักษาโรคกระดูกพรุน

ปัจจุบันมีการใช้ยาหลายชนิดในการรักษาโรคกระดูกพรุน ได้แก่
  • ฮอร์โมนเอสโตรเจน ใช้ สำหรับสตรีที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ที่ผ่าตัดมดลูกและรังไข่ก่อนอายุ 50 ปี ผู้ที่ตรวจพบว่าความหนาแน่นของกระดูกผิดปกติ กลไกการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นการลดอัตราการทำลายเนื้อกระดูก ช่วยให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักได้มากถึงร้อยละ 50-70 เมื่อใช้ยาไปนานสิบปี ขนาดที่ใช้วันละ 0.3-0.625 มิลลิกรัม ชนิดรับประทาน ได้แก่ Premarin, Estrace, Estratest ชนิดแผ่นแปะ ได้แก่ Estraderm, Vivelle
  • Alendronate และ risedronate เป็น ยาในกลุ่มไบฟอสโฟเนต ใช้รักษาภาวะกระดูกพรุนที่เกิดการใช้สเตียรอยด์ ออกฤทธิ์โดยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและลดการทำลายเนื้อกระดูก ยาที่มีใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ alendronate (Fosamax) และ risedronate (Actonel) การใช้ยาทั้งสองนี้ต้องรับประทานตอนกระเพาะว่าง ไม่ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารก่อนกินยา 30 นาที และ 30 นาทีหลังกินยา
  • Raloxifine (Evista) เป็น ยาในกลุ่ม selective estrogen receptor modulator (SERM) ออกฤทธิ์เหมือนกับฮอร์โมนเอสโตรเจน แต่ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ใช้ได้ทั้งเพื่อรักษาและป้องกันโรคกระดูกพรุนในขนาดวันละ 60 มิลลกรัม
  • Calcitonin-salmon (Calcimar, Miacalcin) เป็น ยาที่สังเคราะห์ขึ้นให้มีโครงสร้างทางเคมีเหมือนกับฮอร์โมนแคลซิโทนินที่พบ ในปลาแซลมอน รูปแบบฉีดในขนาดวันละ 50-100 หน่วย ส่วนชนิดยาพ่นจมูกใช้ในขนาด 200 หน่วยต่อวัน
  • พาราไทรอยด์ฮอร์โมนชนิดสังเคราะห์ (Forteo) เป็น ยาฉีดใช้ในสตรีวัยหมดประจำเดือนกลุ่มเสี่ยง ขนาดที่ใช้ 29 ไมโครกรัมวันละครั้งเป็นเวลานาน 24 เดือน ออกฤทธิ์กระตุ้นเซลล์สร้างกระดูกให้ทำหน้าที่ไดดียิ่งขึ้น สามารถใช้ร่วมกับฮอร์โมนเอสโตรเจนได้

การป้องกันโรคกระดูกพรุน

  • ป้องกันการสูญเสียความแข็งแรงของกระดูกลงได้ โดย รับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมมากร่วมกับวิตามินที่เร่งการดูดซึมคือ วิตามิน ดี และ ซี เช่น นม ผัก ผลไม้ใบเขียว น้ำส้ม และปลาต่างๆ ส่วนอาหารประจำวันซึ่งเป็นอาหารไทยๆ หาได้ง่ายๆ ราคาไม่แพง และมีสารอาหารแคลเซียมสูง ได้แก่ กุ้งแห้งตัวเล็ก กุ้งฝอย กะปิ ปลาสลิด งาดำคั่ว เต้าหู้ ถั่วเหลืองสุก ถั่วเขียวสุก ใบยอ มะขามฝักสด ผักคะน้า มะเขือพวง
  • รับประทานแคลเซี่ยมที่อยู่ในรูปของยาเพิ่มเติม
  • การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วย เพิ่มต้นทุนของเนื้อกระดูกให้หนาแน่นมากขึ้น และการทำกิจกรรมต่างๆ ในผู้สูงอายุจะช่วยรักษาสภาพของกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่นของข้อต่อต่างๆ ความแข็งแรงของกระดูก ล้วนแล้วแต่เป็นการป้องกันอันตรายที่อาจรุนแรงจากการหกล้ม ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
  • เลิกสุราและบุหรี่ จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและชลอการเกิดภาวะกระดูกพรุนลงได้ เนื่องจากสุรา กาแฟ และบุหรี่ เป็นสารที่ชะลอการดูดซึมแคลเซียม
Name

กระดูกและข้อ,9,การใช้สมุนไพร,13,เกร็ดความรู้สุขภาพ,28,ข้อมูลเกี่ยวกับโรค,83,คลินิกควบคุมน้ำหนัก,16,คลินิกจิตเวช,30,ช่วง Q&A,1,เตือนภัยสุขภาพคุณผู้หญิง,22,ประเด็นสุขภาพที่ควรรู้,130,พบหมอฟัน,1,ระบบสืบพันธุ์,1,รู้ทันโควิด 19-Covid-19,25,โรคความดัน,5,โรคไต,18,โรคเบาหวาน,4,โรคผิวหนัง,15,โรคระบบทางเดินอาหาร,1,เวชศาสตร์ชะลอวัย,22,สุขภาพตา,5,หูคอจมูก,5,อาหารและยา,72,
ltr
item
ไขปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง: โรคกระดูกพรุน มีกลุ่มไหนเสี่ยงบ้าง
โรคกระดูกพรุน มีกลุ่มไหนเสี่ยงบ้าง
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและวิธีการรักษา
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNX6UTQSwLpF5-A1I9tWSAOIq0nlqdjHgWX5JIeFYHXwnDiOO7bR9q4jXIztO1WqnX4-sA12xVxgN1tvXRVA9ke3Srg0lrDT4Yyqo4FMaF7NwVMwJgdxI2XbFX214drFkIopXsXvfcu5M/s320/%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2599.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNX6UTQSwLpF5-A1I9tWSAOIq0nlqdjHgWX5JIeFYHXwnDiOO7bR9q4jXIztO1WqnX4-sA12xVxgN1tvXRVA9ke3Srg0lrDT4Yyqo4FMaF7NwVMwJgdxI2XbFX214drFkIopXsXvfcu5M/s72-c/%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2599.jpg
ไขปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
https://www.yinyang.in.th/2019/09/blog-post_49.html
https://www.yinyang.in.th/
https://www.yinyang.in.th/
https://www.yinyang.in.th/2019/09/blog-post_49.html
true
6588637073179937695
UTF-8
Loaded All Posts Not found any posts ดูทั้งหมด อ่านเพิ่มเติม Reply Cancel reply Delete By หน้าหลัก หน้า บทความ View All บทความแนะนำ หมวด ARCHIVE สืบค้น ALL POSTS ไม่พบข้อมูลที่คุณกำลังค้นหาค่ะ กลับสู่หน้าแรก Sunday Monday Tuesday Wednesday Thursday Friday Saturday Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat January February March April May June July August September October November December ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. just now 1 minute ago $$1$$ minutes ago 1 hour ago $$1$$ hours ago Yesterday $$1$$ days ago $$1$$ weeks ago more than 5 weeks ago Followers Follow THIS PREMIUM CONTENT IS LOCKED STEP 1: Share to a social network STEP 2: Click the link on your social network Copy All Code Select All Code All codes were copied to your clipboard Can not copy the codes / texts, please press [CTRL]+[C] (or CMD+C with Mac) to copy