หลีกเลี่ยงยาที่อันตรายต่อไตหรือใช้ในขนาดต่ำที่สุด
บทความโดย
รองศาสตราจารย์ ดร. ภญ. นงลักษณ์ สุขวาณิชย์ศิลป์
ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ไตทำหน้าที่ผลิตปัสสาวะ เป็นอวัยวะสำคัญในการรักษาสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกายโดยการขับถ่ายมากับปัสสาวะ
ผลเสียต่อไตจากยา...ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร?
ผลเสียต่อไตที่เกิดจากยา (หมายรวมถึงเมแทบอไลต์ของยาด้วย ซึ่งเมแทบอไลต์เป็นสารที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงยาในร่างกาย) อาจเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันหรือค่อยเป็นค่อยไป อาจเกิดกับไตตั้งแต่โกลเมอรูลัส (glomerulus) ซึ่งทำหน้าที่กรองเลือดขั้นแรกเพื่อสร้างเป็นปัสสาวะ เรื่อยมาตลอดท่อไต รวมถึงเนื้อเยื่อใกล้เคียง (กลไกการเกิดอันตรายต่อไตมีกล่าวต่อไป) ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของไตลดลง สมดุลน้ำและเกลือแร่เสียไป ร่างกายสะสมของเสีย ส่งผลรบกวนระบบการทำงานของร่างกาย ทำให้เกิดความผิดปกติหลายอย่าง เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ขาและเท้าบวม สับสนยาใดบ้างที่เป็นอันตรายต่อไต?
ยาทั้งหลายที่เข้าสู่ร่างกายล้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อไตได้ อาจมากหรือน้อยต่างกัน ตัวอย่างยาที่อาจทำอันตรายต่อไต เช่น ยาต้านจุลชีพในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ แอมโฟเทอริซินบี ยาต้านรีโทรไวรัส ยาในกลุ่มซัลโฟนาไมด์ เมโทเทรกเซต ซีสพลาทิน ไซโคลสปอรีน ยาลดความดันโลหิตบางกลุ่ม ยาลดไขมันในเลือดกลุ่มสแตติน สารสีทึบรังสี (contrast dye) ที่ใช้ในการวินิจฉัยความผิดปกติในร่างกาย (ดูเพิ่มเติมในตาราง)ตัวอย่างกลุ่มยาที่เป็นอันตรายต่อไปได้
1. ยาต้านจุลชีพ- ยากลุ่มอมิโนไกลโคไซด์(aminoglycosides)
- แอมโฟเทอริซินบี(amphotericin B)
- ยาต้านรีโทรไวรัส(antiretrovirals)
- แวนโคมัยซิน(vancomycin)
- ยากลุ่มซัลโฟนาไมด์(sulfonamides)
- ยากลุ่มฟลูออโรควิโนโลน(fluoroquinolones)
- เมโทเทรกเซต(methotrexate)
- ซิสพลาทิน(cisplatin)
- ไซโคสปอรีน(cyclosporine)
- ไอฟอสฟาไมด์(ifosfamide)
- มิโตมัยซิน(mitomycin)
- อิเวอโรลิมุส(everolimus)
- ยากลุ่ม angiotensin-converting enzyme inhibitors, angiotensin-receptor blockers และ renin inhibitors
- ไฮดราลาซีน(hydralazine)
- ยากลุ่มบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์(NSAIDs)
- ยาลดไขมันในเส้นเลือดกลุ่มสแตติน(statins)
- ลิเทียม(lithium)
- โพรพิลไทโอยูราซิล(propylthiouracil)
- สารสีทึบสังสี(contrast dye)
ยาทำอันตรายต่อไตได้อย่างไร?
กลไกการเกิดอันตรายต่อไตจากยามีหลายอย่างดังนี้- การเกิดผลึกหรือตะกอนยาที่ไต ซึ่งเป็นอันตรายต่อไตโดยตรง ตัวอย่างยา เช่น เมโทเทรกเสต ยาต้านรีโทรไวรัส ยาในกลุ่มซัลโฟนาไมด์
- การมีเลือดมาเลี้ยงไตไม่เพียงพอ อาจเกิดจากยาไปทำให้หลอดเลือดที่เลี้ยงไตเกิดการหดตัว เช่น ยาในกลุ่มบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรืออาจเกิดจากยาไปขยายหลอดเลือดที่ออกจากไต เช่น ยาลดความดันโลหิตบางกลุ่ม สิ่งเหล่านี้ทำให้อัตราการกรองสารรวมถึงของเสียผ่านไตเกิดได้ไม่ดี
- เซลล์ไตอักเสบเหตุจากการอุ้มน้ำมาก (osmotic nephrosis) เมื่อได้รับยาหรือสารเหล่านี้ปริมาณมาก เช่น แมนนีทอล เด็กซ์แทรน สารสีทึบรังสี
- การเกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกัน กรณีนี้ทำให้ไตเกิดการอักเสบอย่างเฉียบพลัน เกิดได้ทั้งโกลเมอรูลัสและเนื้อเยื่อไต ตัวอย่างยาเช่น ไฮดราลาซีน ลิเทียม โพรพิลไทโอยูราซิล
ปัจจัยส่งเสริมความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อไตจากยา
ปัจจัยส่งเสริมความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อไตจากยามีหลายอย่างดังนี้- ชนิดยา ยาบางชนิดโดยธรรมชาติเป็นอันตรายต่อไต เช่น ยาในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (เจนตามิซิน สเตรปโตมัยซิน เป็นต้น) แอมโฟเทอริซินบี ซิสพลาทิน ไซโคลสปอรีน สารสีทึบรังสี หากได้รับยาหรือสารเหล่าร่วมกันจะส่งเสริมให้เกิดอันตรายต่อไตเพิ่มขึ้น
- ระยะเวลาที่ใช้ยา หากใช้ยาเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อไต
- การทำงานของไตลดลง โดยมีอัตราการกรองผ่านโกลเมอรูลัสน้อยกว่า 60 มิลลิลิตร/นาที/1.73 ตารางเมตรพื้นที่ผิวกาย
- สภาพร่างกายและความเจ็บป่วย เช่น ภาวะเสียเลือดมากหรือเสียน้ำมาก เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตในหลอดเลือดแดงต่ำ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
- ผู้สูงอายุ โดยทั่วไปผู้ที่มีอายุมากจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากการใช้ยาได้มากกว่าคนหนุ่มสาว เนื่องจากสภาพร่างกายอ่อนแอลง การทำงานของไตลดลง และมีโรคเรื้อรังทำให้มีโอกาสใช้ยาหลายอย่าง
การลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อไตจากยา
อันตรายต่อไตเหตุจากการใช้ยานั้น มีแนวทางในการป้องกันหรือลดความเสี่ยงได้ดังนี้1. สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
- หลีกเลี่ยงการสั่งใช้ยาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อไต ไม่ว่าจะใช้ชนิดเดียวหรือใช้ร่วมกัน (การใช้ยาที่เป็นอันตรายต่อไตร่วมกันจะยิ่งส่งเสริมให้เกิดอันตรายต่อไตมากขึ้น)
- ในกรณีที่จำเป็นต้องสั่งใช้ยาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อไต ควรให้ใช้ในขนาดต่ำสุดที่ให้ผลในการรักษา และติดตามประเมินการทำงานของไตเป็นระยะ ๆ
- ให้คำแนะนำที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วยทั้งการใช้ยาและการปฏิบัติตัว
- ไม่ซื้อยามาใช้เอง
- การดื่มน้ำมากพอ จะช่วยลดอันตรายต่อไตที่เกิดจากยาได้ โดยเฉพาะยาที่ตกผลึกหรือเกิดตะกอนที่ไต
บทความต้นฉบับ
https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/467/ยากับไต/
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.health.harvard.edu/newsletter_article/lithium-induced-kidney-problems