ความเชื่อผิดๆ จากสื่อต่างๆ เกี่ยวกับฟัน ถ้าเราไปทำตามอาจเกิดผลเสียอย่างร้ายแรงได้
ไขข้อสงสัยที่ผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพฟัน โดยทันตแพทย์
รายงานพิเศษหัวข้อ : 10 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ "สุขภาพช่องปาก"บรรยายโดย : อ.ทพ. นัฑวิชญ์ นิยมสุจริต
(อาจารย์ประจำภาควิชาทันตกรรมหัตถการและวิทยาเอ็นโดดอนต์ มหาวิทยาลัยมหิดล)
ที่มาคลิปรายการ : พบหมอมหิดล
Search หาใน Google ดูสิไม่ต้องไปหาหมอหรอก! หลาย ๆ คนต้องเคยคิดแบบนี้แน่ ๆ นี่เป็นสาเหตุให้คนส่วนมากรับความรู้มาผิด ๆ มาไขข้อข้องใจกันต่อกับหมอนัฑ เรื่องไหนจริงเรื่องไหนมั่ว ติดตามได้ในรายการ พบหมอมหิดล ตอน 10 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ"สุขภาพช่องปาก"สวัสดีครับ ผมทันตแพทย์ นัฑวิชญ์ นิยมสุจริต นะครับ เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาทันตกรรมหัตถการและวิทยาเอ็นโดดอนต์ มหาวิทยาลัยมหิดลครับ สำหรับวันนี้เราก็จะมาพบกับคำถามยอดฮิตนะครับ ที่คนไข้นะครับ มักจะถามผมซึ่งจะเป็นสิ่งที่หลายท่านเนี่ยน่าจะสงสัย และต้องการคำตอบที่ถูกต้องนะครับ
ความเชื่อที่ 1 อมเกลือ แก้อาการปวดฟันได้
สำหรับอันแรกเลยนะครับ ปวดฟันแล้วอมเกลือนะครับ จริง ๆ แล้วเนี่ย การอมเกลือนะครับ อาจจะมีการช่วยในการบรรเทาได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมีอาการปวดเยอะแล้วเนี่ย อมเกลือ น้ำเกลือไม่สามารถที่จะกำจัดเชื้อโรคนั้นได้หมด รวมถึงฟันผุ เมื่อผุไปแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะย้อนในส่วนของฟันที่ผุให้กลับมาเป็นฟันที่ไม่ผุได้ ปล่อยไปนาน ๆ จนฟันผุทะลุโพรงประสาทฟันหรือ เป็นโรคเหงือกที่ค่อนข้างรุนแรง การรักษาก็จะยากขึ้นตามมา นะครับความเชื่อที่ 2 การจัดฟันทำให้หน้าเรียว
การจัดฟันเนี่ยนะครับ ในบางกรณีถามว่า ช่วยให้หน้าเรียวได้ไหม ช่วยได้บ้างในบางกรณี อย่างเช่นนะครับ คนไข้ที่มีการสบฟันแบบผิดปกตินะครับ ก็คือว่ามีฟันยื่นมาก ๆ นะครับ หรือในบางกรณีที่มีการผิดปกติที่ตัวกระดูก แล้วก็ต้องมีการผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟันด้วย สำหรับพวกนี้นะครับ ทำเสร็จทุกอย่างแล้วหน้ามักจะเรียวลง แต่คนไข้บางท่านเนี่ยที่อาจจะมีน้ำมีนวลนิดหนึ่งนะครับ จัดฟันแล้วเนี่ยอาจจะมีการปวดฟันอะไรบ้างเล็กน้อย ซึ่งทำให้เขาอาจจะเคี้ยวอะไรลำบากนิดหนึ่ง คนไข้ท่านนั้น นะครับก็อาจจะกินอาหารน้อยลง คนทั่วไปรอบข้างเนี่ยก็รู้สึกว่าเพื่อนฉันหน้าเรียวลงนะ จริง ๆ ก็คือ เกิดจากการที่เขาอาจจะกินอะไรไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่การจัดฟันทุกอย่างที่จะช่วยให้หน้าเรียวได้นะครับเพราะฉะนั้นก็เลยเป็นความเชื่อที่อาจจะมีความเชื่อที่เข้าใจผิดความเชื่อที่ 3 น้ำยาบ้วนปาก ขจัดคราบหินปูนได้รวดเร็วทันใจ
ความเชื่อที่ว่า น้ำยาบ้วนปากนะ จะช่วยกำจัดคราบหินปูนได้แบบทันทีทันใดเลย เกลี้ยงสะอาดเลยเนี่ย เป็นความเชื่อที่ผิดนะครับ เพราะว่า สรรพคุณหลัก ๆ นะครับ สำหรับน้ำยาบ้วนปากคือ 1 มีฟลูออไรด์ นะครับ อาจจะช่วยยับยั้งการเกิดฟันผุได้บ้าง มันจะมีอยู่ช่วงนึงที่มีการแชร์กันเยอะ ๆ ว่าบ้วนทีเดียวปุ๊บคราบอะไรดำ ๆ ในปากเราหลุดออกมาหมดเลยเนี่ย อันนั้นจะเป็นน้ำยาเคมีตัวหนึ่ง นะครับ ที่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อนฟันหรือว่าพวกคราบหินปูนได้ดีมากนะครับ ซึ่งน้ำยาพวกนี้เนี่ยคุณสมบัติคล้ายน้ำยาล้างส้วมเลย เพราะฉะนั้น การที่เราจะหวังผลจากน้ำยาตัวนึงนะครับว่า ใช้เวลาไม่นานในการกำจัดคราบอะไรพวกนี้ เป็นไปไม่ได้เลยความเชื่อที่ 4 ฟันปลอม ซื้อได้จากอินเทอร์เน็ต
อันนี้ก็เป็นความเชื่อที่เพิ่งเกิดขึ้นนะครับ ผมว่าน่าจะมาตามสภาวะการช้อปปิ้งของคนในปัจจุบัน ก็คือซื้อของออนไลน์กันมากขึ้นนะครับ สำหรับฟันปลอมนะครับ เป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจโดยทันตแพทย์ ผู้มีความรู้นะครับ เราไม่สามารถเอาฟันปลอมของคน ๆ นี้ ไปใส่ในอีกคนนึงได้นะครับ เพราะฉะนั้น การสั่งซื้อฟันปลอมทางอินเตอร์เน็ตซึ่งทำมาเหมือน ๆ กัน นะครับ มันไม่สามารถที่จะใส่ลงไปในปากของคนคนนั้นได้อย่างแน่นอนนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ย จะต้องทำโดยทันตแพทย์ผู้ที่มีความรู้เท่านั้นความเชื่อที่ 5 ใช้มะนาวขัดฟัน ช่วยให้ฟันขาวได้
สำหรับความเชื่อที่ว่า เอาน้ำมะนาวสด ๆ นำมาถูฟันแล้วทำให้ฟันขาว จริง ๆ เป็นความเชื่อที่ผิดนะครับ ฟันที่มีการเปลี่ยนสีได้ มันเกิดจากอะไร มันจะมีจาก 2 สาเหตุ ด้วยกัน ก็คือสาเหตุจากการที่มีสีจากภายนอกมาสะสมที่บริเวณผิวฟัน กับ 2 ก็คือสาเหตุที่เกิดจากตัวฟันเอง มันมีความเหลืองนะครับ กรณีที่เกิดจากการติดสีบริเวณภายนอกฟัน การทำความสะอาดจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมะนาวนะครับ ใช้วิธีการทำความสะอาดปกติทั่วไป จะช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นได้ แต่ถ้าในกรณีที่เกิดจากภาวะของเนื้อฟันของคนไข้เอง มีความเหลืองเนี่ย ต่อให้เราทำความสะอาดแค่ไหน ต่อให้เราเอาน้ำมะนาวมาเป็นลิตรแค่ไหนเนี่ย มาถูให้ฟันเราเนี่ย ยังไงก็ไม่หายเหลือง ยิ่งเราใช้น้ำมะนาวถูฟันมากเท่าไหร่ ชั้นเคลือบฟันด้านนอกของเราก็จะบางมากขึ้นเท่านั้น พอผิวเคลือบฟันบางลง เนื้อฟันที่อยู่ด้านในจะมีความเหลืองมากกว่า เพราะฉะนั้น ยิ่งถูจะยิ่งเหลือง แต่ถ้าเกิดฟันเหลืองจากเนื้อฟันด้านในนะครับ สามารถใช้การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์เนี่ย ก็จะช่วยให้เนื้อฟันที่มันเหลืองเนี่ย ขาวขึ้นมาได้นะครับ แต่ก็ต้องทำภายใต้การดูแลและควบคุมโดยแพทย์ด้วยเช่นกันครับ พอเราได้รับข้อมูลมานะครับ อย่าเพิ่งเชื่อ อย่าเพิ่งแชร์นะครับ ตรวจสอบความถูกต้องก่อนนะครับ ก่อนที่จะแชร์แล้ว ก่อนที่จะเชื่อครับ ถ้าสุขภาพฟันมีปัญหามาพบหมอนะครับความเชื่อที่ 6 การขูดหินปูน ทำให้ฟันห่าง
สำหรับความเชื่อที่ว่า การใช้ไหมขัดฟันบ่อย ๆ หรือว่ามาพบทันตแพทย์แล้วขูดหินปูนบ่อย ๆ แล้วทำให้เกิดฟันห่าง จริง ๆ ก็เป็นความเชื่อที่ผิดเช่นเดียวกัน ในกรณีที่คนไข้มีภาวะโรคเหงือก หรือมีภาวะที่มีเศษอาหารติดตามซอกฟันเยอะ ๆ หรือมีหินปูน นะครับ ตัวเศษสะสมพวกนี้มันก็จะติดอยู่ที่ระหว่างฟัน เราก็รู้สึกว่าระหว่างฟันมันเต็ม แต่ว่ามันเต็มไปด้วยสิ่งที่มันไม่สมควรอยู่นะครับ เราก็จะรู้สึกว่า หมอเป็นคนทำให้ฟันเราห่างหรือเปล่า ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่เลยนะครับ คือภาวะเหงือกร่น เป็นภาวะที่คนไข้อยู่แล้ว แล้วถามว่าเราจะไม่เอาไอ้พวกหินปูนติดตรงนั้นออก เพื่อให้มันดูเต็มดูเหมือนเดิม ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่า ถ้าเกิดเรายิ่งสะสมพวกนั้นเอาไว้เนี่ย เหงือกก็จะยิ่งร่น รวมถึงถ้าเป็นมาก ๆ หรือสุดท้ายต้องถอนฟันไปเลยก็ได้ความเชื่อที่ 7 ลูกในท้อง ขโมยแคลเซียมจากแม่
ความเชื่อสำหรับกรณีที่หญิงตั้งครรภ์แล้วฟันผุ นะครับแล้วไปโทษลูกในท้องว่า ลูกเนี่ยเอาแคลเซียมจากฟันของเราไปแล้วทำให้เราฟันผุ จริง ๆ เป็นความเชื่อที่ผิดมาก แล้วเป็นความเชื่อที่ค่อนข้างโบราณเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าแคลเซียมหรือสารและแร่ธาตุที่อยู่ในฟันเนี่ยจะไม่เหมือนกับในกระดูกนะครับ คือ แคลเซียมในร่างกายของคนเราเนี่ย ส่วนใหญ่จะสะสมที่กระดูกนะครับ เป็นแหล่งในการเก็บสะสมตัวแคลเซียมนะครับ เวลาร่างกายต้องการแคลเซียมจะมีการดึงออกมาจากกระดูกได้ แต่ว่ามันจะดึงฟันไม่ได้ ส่วนใหญ่เลยนะครับ คุณแม่หลายท่านลองคิดดูดี ๆ นะครับ เรามีเวลาในการดูแลตัวเองมากขึ้นหรือเปล่า เราทานอาหารจุกจิกมากขึ้นไหม เรามีอาการแพ้ท้องนะครับ มีการอ้วกมีอะไรพวกนี้ทำให้มีกรดไปสัมผัสที่ฟันมากขึ้นหรือเปล่า เพราะว่าทุกอย่างพวกนี้นะครับ จะทำให้ฟันผุได้ทั้งนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเด็กเลยนะครับความเชื่อที่ 8 ฟันน้ำนมผุได้ ไม่ต้องสนใจ
สำหรับความเชื่อที่ว่า ฟันน้ำนมนะครับผม สามารถปล่อยทิ้งได้เลย ผุแค่ไหนแล้วรอถอนได้เลย มีฟันแท้รอขึ้น เป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์เลยนะครับ เพราะว่าฟันน้ำนมนะครับ จริง ๆ แล้วเนี่ย มันจะมีระยะเวลาที่จะคงอยู่ในช่องปากของเราอยู่นะครับ ซึ่งถ้าเกิดถูกถอนไปเร็วเกินไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ ฟันแท้อาจมีการเรียงตัวที่อาจจะผิดปกติได้ อาจจะมีการซ้อนเกมากขึ้น ซึ่งถ้าในกรณีที่มีฟันผุมาก ๆ จนเกิดเป็นหนองเนี่ย จะทำให้เกิดภาวะที่ผิวฟันของฟันแท้ที่อยู่ข้างใต้เนี่ย เกิดความผิดปกติได้ รวมถึงจะทำให้ฟันแท้เนี่ยขึ้นช้าลงด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเมื่อไหร่นะครับ ลูกหลานของท่านนะครับ เกิดภาวะปัญหาฟันผุเล็กน้อย จริง ๆ ห้ามรออยู่ที่บ้าน เพราะว่าการที่เราปล่อยให้ฟันน้ำนมเนี่ยนะครับ มีการผุมากนะครับ สุดท้ายก็คือ การถอน พาลูกมาเจอหมอ คือเพื่อมาถอนฟัน จริง ๆ เป็นการสร้างความทรงจำที่ไม่ค่อยดีให้เด็กกับนะครับ แล้วก็ทำให้เวลาเขาโตขึ้นมา เขาก็จะไม่อยากมาเจอกับทันตแพทย์ความเชื่อที่ 9 กินฟลูออไรด์ ยิ่งเยอะยิ่งดี
สำหรับความเชื่อนะครับ ที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านจะเชื่อกันนะครับ ก็คือ เวลาพาลูกไปหาคุณหมอนะครับ ก็จะได้รับยาเม็ดฟลูออไรด์กันมา แล้วก็เชื่อว่าอันนี้เป็นสิ่งที่หมอให้นะครับ ยาเม็ดฟลูออไรด์เนี่ย ให้ลูกกินไปเยอะ ๆ เลย วันหนึ่ง ถ้าคุณหมอบอกให้กินทานวันละเม็ด ก็ใส่ไปเลย 2 เม็ด 3 เม็ดนะครับ จะช่วยให้ลูกของเราเนี่ยมีฟันที่แข็งแรงมากขึ้น จริง ๆ เป็นความเชื่อที่ผิดเหมือนกันนะครับ เพราะว่า ฟลูออไรด์มันจะเป็นสารที่มีทั้งคุณและโทษนะครับ มีคุณเมื่อเราใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและมีโทษเมื่อใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป ลูกของเราเนี่ยพอได้รับฟลูออไรด์มากในช่วงที่เขามีการสร้างฟัน อย่างเช่น ตั้งแต่อายุ ตั้งแต่ 6 เดือนนะครับ จนถึงประมาณ 12-13 เนี่ยนะครับ ฟลูออไรด์ที่มากเกินไปจะทำให้ฟันแท้ที่ขึ้นมา เกิดภาวะที่เรียกว่าฟันตกกระ ซึ่งจะทำให้ผิวฟันมีความแข็งแรงน้อยกว่าปกติความเชื่อที่ 10 รอให้ปวดฟัน แล้วค่อยไปหาหมอ
เมื่อไหร่ที่ปวดฟันแล้วค่อยไปหาหมอเนี่ย จริง ๆ เป็นความเชื่อที่ผิดนะครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วเนี่ย การที่ร่างกายของเราเนี่ยจะแสดงอาการอะไรออกมา การดำเนินโรคของมันจะค่อนข้างเยอะแล้วเหมือนกัน เราควรจะต้องมาพบทันตแพทย์เป็นประจำนะครับ หรือพบหมอเป็นประจำอยู่แล้ว 6 เดือน 1 ปี อย่างน้อยครั้งหนึ่งนะครับ เพื่อที่ว่าเราจะได้ให้ทันตแพทย์หรือหมอเนี่ย คอยช่วยดูช่วยตรวจให้เราว่า เออ มันเริ่มมีความผิดปกติแล้วหรือยัง นะครับ แล้วพอเราตรวจพบ สิ่งที่เป็นความผิดปกติเบื้องต้นแล้ว ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้มันลุกลามต่อไปได้ สำหรับ ช่วงระยะเวลาในการที่เราควรที่จะมาตรวจกับทันตแพทย์นะครับ ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำกันอยู่ที่ 6 เดือนครั้งหนึ่ง ก็คือปีละ 2 ครั้งนะครับ แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าตัวเลขนี้จะเป็นตัวเลขที่ตายตัวนะครับ ขึ้นกับว่าผู้ป่วยท่านนั้นนะครับ มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซ้ำหรือว่าเกิดโรคใหม่เยอะแค่ไหนนะครับ แต่ถ้าเกิดมาตรวจแล้วโอเค ปรากฏว่าคุณสามารถดูแลตัวเองให้ดีกลายเป็นปีละ 1 ครั้งก็ได้ นะครับ[ขอขอบคุณ อ.ทพ. นัฑวิชญ์ นิยมสุจริต อย่างสูง ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย]
[ถอดคำบรรยายจากคลิปคุณหมอ โดย หยินหยาง]
[โปรดแชร์ บทความนี้ ให้กับคนที่คุณรักและเป็นห่วงที่สุดด้วย นะครับ]
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ช่อง YouTube | Mahidol Channel : https://www.youtube.com/mahidolchannel
Facebook | https://www.facebook.com/mahidolchannel
Mahidol University มหาวิทยาลัยมหิดล | https://www.mahidol.ac.th/th
Website | https://www.mahidolchannel.com | https://channel.mahidol.ac.th/
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล | https://www.si.mahidol.ac.th/th/