โรคแพ้ภูมิตัวเอง(เอสแอลอี : SLE) ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่รักษาหายได้ถ้พบในระยะแรก ๆ
โรคแพ้ภูมิตัวเอง-Systemic Lupus Erythematosus-SLE เกิดจากอะไร
รายงานพิเศษหัวข้อ : รู้จัก...โรคเอสแอลอี โรคแพ้ภูมิตัวเองบรรยายโดย : ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
(อาจารย์ประจำสาขาโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล )
ที่มาคลิป : พบหมอมหิดล
โรคเอสแอลอีหรือโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือที่รู้จักกันในนาม “โรคพุ่มพวง” จัดเป็นโรคที่เรื้อรังชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มภูมิคุ้มกันซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายผู้ป่วยผลิตโปรตีนของภูมิคุ้มกันในเลือดที่เรียกว่า "แอนติบอดี้" ขึ้นมามากเกินปกติ ทำให้เกิดปัญหาในอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทั้งทางตรงและทางอ้อม ปัจจุบันมีการรักษาที่ได้ผลที่ดีขึ้นมากผู้ป่วยโรคนี้สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ วันนี้จะได้มาทำความรู้จักเกี่ยวกับอาการ การรักษาและโรคนี้มีวิธีป้องกันหรือไม่โรคแพ้ภูมิตัวเอง(SLE : Systemic Lupus Erythematosus) นะคะ มีมานานแล้วนะคะ หรือว่าคนไทยรู้จักโรคนี้ ในนามของโรคพุ่มพวง ค่ะ เดี๋ยววันนี้เราจะทำความรู้จักโรคแพ้ภูมิตัวเอง(SLE) กันค่ะ ว่าโรคนี้เป็นอย่างไร รักษาอย่างไร และเราสามารถป้องกันมันได้หรือเปล่า
มาทำความรู้จักโรคแพ้ภูมิตัวเองและอาการต่าง ๆ
โรคแพ้ภูมิตัวเอง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าแพ้ภูมิตัวเอง แสดงว่าร่างกายเราเนี่ยมีการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา แล้วภูมิต้านทานนั้น ๆ เนี่ย ก็จะมาทำร้ายเซลล์ในร่างกายของตัวเราเอง ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะไปทำร้ายกับอวัยวะอะไร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดมันไปกระทบของข้อ ก็จะทำให้ข้ออักเสบ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการปวดข้อ มักจะเป็น ข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อไหล่ ข้อเข่า หรือ ข้อเท้า บางครั้ง มีอาการบวมแดงร่วมด้วยอาการทางระบบเลือด ก็จะทำให้มีภาวะซีด(ร่างกายมีสีซีดลง) หรือว่าจะทำให้เกล็ดเลือดต่ำลง คนไข้ส่วนใหญ่ มีภาวะอ่อนเพลีย มีภาวะติดเชื้อง่าย มีจุดเลือดออกตามตัว
อาการทางไต ไปมีผลกับไตก็จะทำให้ไตวาย ไตเสื่อมหรือว่าไตอักเสบได้ ผู้ป่วยมักมีอาการบวมบริเวณเท้า ขา หน้า หนังตา และมีปัสสาวะออกน้อยลง
อาการทางระบบประสาท ถ้าไปที่อื่นอีกเช่น สมอง ก็อาจจะทำให้คนนั้น มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงซึมลงได้ ผู้ป่วยมักมีอาการ พูดจาไม่รู้เรื่อง จำคนใกล้ชิดไม่ได้ และบางรายอาจมีอาการชักร่วมด้วย
สาเหตุของโรคแพ้ภูมิตัวเอง(SLE : Systemic Lupus Erythematosus)
ปัจจุบันเรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ที่จะบอกว่าสาเหตุของการเกิดโรคแพ้ภูมิตัวเอง(SLE) คืออะไร นะคะ เรารู้แค่ว่า มันเกิดภูมิต้านทานขึ้นกับตัวเอง นะคะ ส่วนหนึ่งจะมีเรื่องของกรรมพันธุ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ปัจจัยภายนอกตอนนี้ยังไม่มีการพบว่ามีอะไรที่จะมาเป็นตัวกระตุ้นที่ชัดเจนค่ะ(หมอ) คุณหมอดูจากประวัติ คนไข้เป็น"เอสแอลอี" ใช่ไหมคะ เล่าให้ฟังนิดหนึ่งได้ไหมคะว่าตอนเริ่มต้นเนี่ยมีอาการอะไรบ้าง
(คนไข้) ตอนเริ่มต้นก็จะเป็นไทรอยด์ ก็มีผื่นขึ้นที่หน้า และก็แผลที่เพดานปาก
(หมอ) แผลที่เพดานปากนี้ เจ็บไหมคะ
(คนไข้) เจ็บมาก เราทานข้าวอะไรไม่ได้เลย กินได้แต่น้ำ
(หมอ) ตอนนั้นมีข้อบวม มีข้ออักเสบไหมคะ
(คนไข้) ไม่มีค่ะ จากน้ำหนัก 52 กิโลกรัม ลดลงมาเหลือ 41 กิโลกรัม
สำหรับคนไข้รายนี้ เข้ามามีอาการผิดปกติ ในหลาย ๆ ระบบร่วมกัน เขามีลักษณะอาการที่เข้าได้ ที่บอกว่าตอนนี้เขามีเรื่องของภูมิต้านทานกับตัวเอง ดังนั้น เราก็เลยเรียกว่า โรค แพ้ภูมิตัวเอง หรือ เอสแอลอี ค่ะ
(หมอ) ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยววันนี้เรามาดูผลเลือดกันนะคะ ว่าผลเลือดในเรื่องของเอสแอลอี ตอนนี้มีอาการอะไรกำเริบบ้างหรือเปล่า อ่า สำหรับวันนี้ ผลเลือดดีขึ้นจริง ๆ ด้วยค่ะ ค่าการอักเสบในร่างกายลดลง นะคะ เรื่องของโปรตีนรั่วที่ไต ยังคงมีอยู่นิดหน่อย ความเข้มข้นของเลือดตอนนี้ก็ไม่ซีดแล้ว นะคะ แล้วก็เรื่องของฮอร์โมนไทรอยด์ เป็นแนวโน้มที่ดีขึ้น ยังสูงนิดหน่อยแต่ว่าเริ่มดีขึ้นทุกอย่างแล้ว ค่าไตยังอยู่ในเกณฑ์ปกติค่ะ อย่างอื่นโอเค นะคะ วันนี้น่าจะดี เพราะฉะนั้นอาจจะให้ยาเหมือนเดิมไปก่อน นะคะ เดี๋ยวถ้าดีขึ้น คุณหมอจะพยายามลดยาให้ โอเคค่ะ
การรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเอง(เอสแอลอี : SLE)
หลังจากที่เราทราบแล้วว่าเป็นโรคเอสแอลอี ใช่ไหมคะ เนื่องจากด้วยตัวโรค มันจะมีภูมิต้านทานของตัวเองที่ทำงานมากเกินไป สิ่งที่เราจะทำก็คือ จะให้ยาเพื่อจะไปลดการทำงานของภูมิต้านทานในตัวเอง ข้อดีก็คือ จะไปทำให้อาการของโรคสงบลง แต่ว่าข้อเสียค่ะ คน ๆ นี้ก็จะเสี่ยงต่อการที่จะเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน เพราะว่ามันทำให้ระบบภูมิต้านทานที่คอยต่อต้านเชื้อโรคมันลดลง แต่ถ้าสมมุติไม่ได้ผล ยากดภูมิก็อาจจะต้องเพิ่มมากขึ้น นะคะ ซึ่งในแง่ของการปรับเปลี่ยนการรักษาขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้แต่ละคน และก็ขึ้นอยู่กับคุณหมอแต่ละท่านด้วยค่ะโรคแพ้ภูมิตัวเอง(เอสแอลอี : SLE) สามารถรักษาหายได้ไหม
ในแง่การรักษา ถ้าเรามีการรักษาตั้งแต่ระยะต้น นะคะ หรือว่าโรคไม่รุนแรงมาก เนี่ย คนไข้มีโอกาสที่จะหาย นะคะ ก็คือ อาจจะไม่ต้องใช้ยา หรือใช้ยาในปริมาณที่น้อยมาก นะคะ แต่ในทางกลับกัน ถ้าคนไข้มาในระยะที่ค่อนข้างเป็นเยอะแล้ว นะคะ หรือว่าโรคค่อนข้างรุนแรง บางทีเนี่ยการรักษาอาจจะไม่ได้ผลดีมากเท่าที่ควร หรือว่าอาจจะไม่หายก็ได้การดูแลตัวเองของผู้ที่ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง(เอสแอลอี : SLE)
ในแง่ของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเมื่อทราบแล้วว่าเป็น เอสแอลอี : SLE ก็ขึ้นอยู่กับในแง่ของตัวโรคและเรื่องของยาที่ใช้ในการรักษา ในแง่ของตัวโรคเนี่ยต้องบอกว่า ถ้าใครมีปัญหาในเรื่องของผื่นผิวหนัง แพ้แสง ดังนั้นกลุ่มของเอสแอลอี ต้องให้หลีกเลี่ยงในเรื่องของแสงแดด หรือว่าต้องใช้ครีมกันแดดร่วมด้วย เรื่องต่อมาก็คือ เนื่องจากยาที่ได้เป็นยากดภูมิ เพราะฉะนั้นเขาต้องดูแลตัวเองไม่ให้รับโอกาสที่จะมีความเสี่ยงในเรื่องของการรับเชื้อโรค ยกตัวอย่างเช่น ถ้าทานสเตียรอยด์เยอะ ๆ ก็ต้องกินอาหารที่สุก สะอาด ปรุงใหม่เสมอ เพราะฉะนั้นจะมีโอกาสที่เชื้อโรคจะติดมากับอาหาร และทำให้เขาเนี่ย มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายขึ้นออกกำลังกายสม่ำเสมอค่ะ ไม่เช่นนั้นจะทำให้กระดูกและข้อมีปัญหา และบางครั้งคุณหมอที่ดูแล ก็อาจจะต้องมีการเสริมในเรื่องของยา หรือวิตามินบางอย่างที่คนไข้ไม่ได้รับหรือว่าขาดไปค่ะ
คำแนะนำของหมอสำหรับคนทั่วไป
ถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่รู้สาเหตุที่ชัดเจน ไม่มีทางที่จะป้องกันได้ แต่ว่าการเริ่มต้นรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยให้ผลการรักษาเป็นไปได้อย่างดีนะคะ ปัจจุบันนี้เรามียาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ ถ้าใครที่สงสัยหรือว่ารู้แล้วว่า เป็นโรคเอสแอลอี ควรจะเข้าสู่ระบบการรักษา เพราะว่ามันจะช่วยทำให้คุณมีโอกาสหายได้และไม่มีภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว ค่ะ[ขอขอบคุณ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร อย่างสูง ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย]
[ถอดคำบรรยายจากคลิปคุณหมอ โดย หยินหยาง]
[โปรดแชร์ บทความนี้ ให้กับคนที่คุณรักและเป็นห่วงที่สุดด้วย นะครับ]
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ช่อง YouTube | Mahidol Channel : https://www.youtube.com/mahidolchannel
Facebook | https://www.facebook.com/mahidolchannel
Mahidol University มหาวิทยาลัยมหิดล | https://www.mahidol.ac.th/th
Website | https://www.mahidolchannel.com | https://channel.mahidol.ac.th/
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล | https://www.si.mahidol.ac.th/th/