วิตามินป้องกันมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.ณิชมน สมันตรัฐ
ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ด้านเนเชอโรพาธิค
ตีพิมพ์ลงในนิตยสารชีวจิต เล่มวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561
มะเร็งคือเซลล์ที่เกิดกการกลายพันธุ์ แต่เซลล์ที่กลายพันธ์ไม่จำเป็นนต้องเป็นเซลล์มะเร็งเสมอไป ในสภาวะปกติ หากมีเซลล์กลายพันธุ์เกิดขึ้น ร่างกายจะบอกได้เองว่า นี่ไม่ใช่ดีเอ็นเอปกติ จึงเกิดกระบานการฆ่าตัวตายของเซลล์ เพื่อไม่ให้เกิดการขยายของเซลล์ที่กลายพันธุ์ แต่เซลล์มะเร็งมีเทคนิคพิเศษที่สามารถหลุดรอดกระบวนการตรวจจับของร่างกาย และพอมันหลุดรอดออกมาแล้วก็จะแบ่งตัวได้รวดเร็วมากส่วนอะไรเป็นปัจจัยของโรคมะเร็งนั้น ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า 5 เปอร์เซ็นต์เกิดจากพันธุกรรม อีก 90-95 เปอร์เซ็นต์มาจากไลฟ์สไตล์ล้วน ๆ มีอะไรบ้าง หลัก ๆ เลยมาจากอาหารที่ทุกวันนี้มีการดัดแปลงแปรรูปอาหาร ใส่สารเคมีกันเยอะ การสูบบุหรี่ การใช้เครื่องสำอางหรือครีมต่่าง ๆ ที่มีสารเคมี และขาดการออกกำลังกาย
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ หรือฟรีแรดิคัลซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ วิธีที่เราจะป้องกันการเกิดมะเร็งได้คือ ต้องปกป้องยีน P53 ซึ่งเป็นยีนตัวหลักที่ช่วยป้องกันมะเร็ง โดยการทำให้ยีนตัวนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
7 วิตามินธรรมชาติป้องกันมะเร็ง
ดังนั้นกุญแจสำคัญคือ เราควรได้รับสารแอนติออกซิแดนต์หรือสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยกำจัดฟรีแรดิคัล คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าเราจะหาสารต้านอนุมูลอิสระได้จากที่ไหน ขอบอกว่า ได้จากผลไม้และอาหารธรรมชาติค่ะ โดยมีหลักในการกินดังนี้- ผักสีรุ้งหรือผักหลากสี หากต้องการเน้นให้ร่างกายได้รับออนติออกซิแดนต์ เราต้องกินผักหลากสีหรือเรนโบว์ไดเอต กินไล่สีมาเลย เช่น สีม่วงบลูเบอร์รี่ สีแดงเชอรร์รี่ สีเขียวผักใบเขียว สีเหลืองฟักทอง สีขาวแก้วมังกร เนื่องจากสีของผักต่างชนิดกันจะมีสารแอนติออกซิแดนต์ต่างกัน ซึ่งจะไปช่วยกำจัดฟรีแรดิคัลซึ่งก็มีหลายชนิดเช่นเดียวกัน
- คลอโรฟิลล์จากวีตกลาส(Wheatgrass) หรือต้นอ่อนข้าวสาลี การนำวีตกลาสมาปั่นเป็นน้ำเอนไซม์ 1 ช็อต จะทำให้ร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์สูงมาก ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังและช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกาย แต่ปัญหาคืืือ เรามักขยาดกับรสชาติ แนะนำว่า หลังจากดื่มน้ำเอนไซม์วีตกลาสแล้วให้ดื่มน้ำเสาวรสหรือน้ำมะนาวตามลงไป จะช่วยล้างปากได้ดีมาก
- กรดโฟลิก มีความสำคัญในแง่การพัฒนาเซลล์เกิดใหม่ให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์ ป้องกันการกลายพันธุ์ มีการศึกษาหนึ่งพบว่าผู้ป่วยมะเร็งลำไส้และทวารหนักมีระดับกรดโฟลิกน้อยกว่าปกติ ดังนั้นเราควรกินกรดโฟลิกซึ่งพบในผักใบเขียว นม ให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้ควรกินร่วมกับวิตามินวิตามินบี 12 เพื่อมั่นใจว่าจะทำให้การสร้างเซลล์เป็นอย่างปกติที่สุด
- พืชตระกูลกะหล่ำ ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า บรอกโคลี ล้วนช่วยในเรื่องการปรับฮอร์โมนในร่างกาย จึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งที่เกี่่ยวข้องกับฮอร์โมนได้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ นอกจากนี้พืชตระกูลกะหล่ำยังมีสารชนิดหนึ่งที่ช่วยร่างกายตรวจจับเซลล์กลายพันธุ์ จึงจัดการให้เกิดกระบวนการฆ่าตัวตายของเซลล์กลายพันธุ์ดังที่กล่าาวไปในตอนต้นได้
- วิตามินดี จะพบว่าคนที่อยู่ในประเทศเลยแถบเส้นศูนญ์สูตรขึ้นไป เช่น แคนาดา จะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีแสงแดด รวมถึงเป็นคนผิวขาวที่เวลาโดนแดดจะเกิดซันเบิร์นได้ง่าย ซึ่งมักพบว่ามีระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำกว่าปกติ ดังนั้นร่างกายควรได้รับแสงแดดเพื่อให้รังสียูวีไปช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามินดี โดยควรรับแดดในช่วง 10 โมงเช้าและหลัง 4 โมงเย็น จะดีต่อร่างกายที่สุด
- ซีลีเนียม จากการศึกษาพบว่า การกินซีลีเนียมปริมาณ 200 ไมโครกรัม จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรค มะเร็งผิวหนังได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังพบว่า คนที่ขาด ซีลีเนียมจะพบยีนกลายพันธุ์ซึ่งเสี่ยงนำไปสู่การเกิดมะเร็งเต้านม ได้อีกด้วย
- ชาเขียว มีสารพอลิฟีนอลในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วย ชะลอการขยายขนาดของเนื้องอก สกัดการสร้างเส้นเลือดใหม่ ของเซลล์มะเร็ง และยับยั้งไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยัง อวัยวะอื่น หากจะดื่มเป็นเชิงป้องกันแนะนำว่า ควรดื่มวันละ 5 แก้ว ซึ่งอาจทำให้บางคนมีอาการนอนไม่หลับได้ เพราะฉะนั้น จึงมีการสกัดเฉพาะสารสำคัญออกมาในรูปแคปซูล และขอเสริม ว่า ควรดื่มชาเขียวพร้อมกับการกินอาหารที่มีวิตามินอี เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งได้ดียิ่งขึ้น
